Sunday, August 16, 2015



วันหยุดช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามีชวนไปเที่ยวชมสถานที่ ๆ น่าสนใจซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก เราขับรถไปถึงที่นั่นระยะทางเพียง 25 ไมล์เท่านั้นเอง อย่างไม่น่าเชื่อ....ในเมือง  Cape Girardeau จะยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์หลงเหลือไว้ให้ได้ชื่นชม และยังทำให้ได้มีโอกาสเห็นภาพการดำเนินชีวิตของผู้คนในอดีตและความรุ่งเรืองเมื่อ 200 กว่าปีก่อน

ที่นี่ Bollinger Mill State Historic Site เป็นโรงสีที่ใช้พลังน้ำเดินเครื่อง อายุกว่า 200 ปี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ลักษณะเป็นอาคารขนาดใหญ่สูงสี่ชั้น สร้างด้วย หินปูนและอิฐ ยื่นล้ำลงไปในแม่น้ำ Whitewater สร้างโดย George Frederick Bollinger มีประวัติเล่าว่าหลังจากที่เขาได้รับที่ดินที่สเปนมอบให้ในปี 1800  เขาได้นำกลุ่มครอบครัวหลายกลุ่มอพยพจาก North Carolina มาที่นี่ และเริ่มการสร้างโรงสีและเขื่อนด้วยท่อนซุง (Logs) บนแม่น้ำ Whitewater และสำเร็จอย่างรวดเร็วในปี 1820 พร้อมกับถนนเชื่อมต่อรอบ ๆ ชุมชน เขาจึงกลายเป็นที่รู้จักของผู้คน และผลักดันให้เขาเดินเข้าสู่ถนนการเมือง ในฐานะ Senator รุ่นแรกของรัฐมิสซูรี่

ต่อมาในปี 1825 โรงสีและเขื่อนถูกสร้างใหม่โดยใช้หินปูน (Limestone) เป็นฐาน (ที่เห็นในปัจจุบัน) ในช่วงสงครามกลางเมือง (Civil War) กองกำลังสหพันธ์ได้เผาโรงสีเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งและอาหารตกอยู่ในมือกลุ่มกบฏ เฉพาะฐานที่สร้างด้วยหินปูนเท่านั้นที่เหลือให้เห็น

ความหนาของผนังหินปูนประมาณ 1 ฟุต
หลังจากที่สงครามกลางเมืองสงบ ครอบครัวนี้ได้ขายโรงสีพร้อมที่ดิน  640 เอเคอร์ ให้แก่ Solomon R. Burford ซึ่งเขาได้สร้างโรงสีใหม่ด้วย อิฐ (Brick) บนฐานหินปูนเดิม (Limestone) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เปลี่ยนจากระบบ  Water wheel มาเป็นแบบ Water-driven turbine เสร็จสมบูรณ์ใน 1867 และเป็นโรงสีสี่ชั้นที่เห็นในปัจจุบัน และชื่อย่อของ R. Burford ยังคงปรากฏอยู่บนผนังด้านในประตูหน้า
เมื่อเดินเข้าไปภายในชั้นที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็ทักทายตามธรรมเนียม แล้วก็ปล่อยพวกเราตามอัธยาศัย เราถ่ายรูปทุกซอกทุกมุม แทบจะไม่ได้อ่าน (เหมือนเคย) คนที่อ่านคือสามี อ่านเสร็จก็บรรยายให้เราฟัง.... ชั้นนี้เป็นที่สำหรับติดตั้งเครื่องจักร-อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตอาหารและแป้ง จากข้าวโพด/ ข้าวสาลี ได้แก่ เครื่องแยก (Separators) เครื่องขัด (Scourers) โม่ขนาดมหึมา (Millstone) เครื่องร่อน (Bolters) เครื่องทำความสะอาด (Purifiers) เครื่องปัดรำ (Bran dusters) สายพาน (Conveyors) และ รางลำเลียง (Chutes) เครื่องชั่งขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ฯลฯ
ที่ชั้นล่างสุด (Understory) เป็นแหล่งที่ให้กำเนิดพลังงานจากน้ำ โดยปล่อยให้กระแสน้ำไหลจากเขื่อนผ่านเข้าประตูน้ำแคบ ๆ และไหลผ่านเสาหินปูนขนาดใหญ่สี่ต้น ทำให้เกิดการเบี่ยงของกระแสน้ำและมีพลังเพิ่มขึ้นจนสามารถหมุน Turbine ยักษ์ที่ติดอยู่กับแกนเพลา ที่หย่อนลงมาจากชั้นบนจุ่มอยู่ในน้ำ พลังงานกลจะถูกส่งผ่านเฟืองเกียร์ไปที่เพลาแนวนอนที่ชั้นบน 
 
Understory : กระแสน้ำเข้าทางซ้าย ผ่านเสาหิน และ เทอร์ไบน์ แล้วออกด้านขวา
เทอร์ไบน์ยักษ์
ชุดส่งกำลัง ที่ติดตั้งอยู่ชั้นแรก

ที่ปลายสุดด้านซ้ายของเพลาจะมีสายพานเชื่อมต่อกับลูกรอก ซึ่งจะเหมือนกับชุดที่ติดตั้งบนชั้นที่สาม ซึ่งเป็นชุดที่ส่งกำลังไปแกนเพลาที่ชั้นสี่ ลูกรอกที่ชั้นแรกและชั้นที่สามจะเป็นตัวขับเคลื่อนสายพานของเครื่องจักร ส่วนแกนเพลาที่ชั้นสี่จะเป็นตัวจัดกำลังให้แก่ลิฟท์หลาย ๆ ตัว


แต่ละ Station จะมีคำอธิบายการทำงาน และลำดับขั้นตอน เพื่อให้ผู้เยี่ยมชม เข้าใจและเห็นภาพอุตสาหกรรมการผลิตแป้ง และอาหาร ในศตวรรษที่ 19 จนถึง ต้นศตวรรษที่ 20 ได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น 

โม่หิน
เครื่องบรรจุอัตโนมัติ
ขณะที่ ดูไป....ถ่ายรูปไป...ก็จินตนาการไป ประหนึ่งว่าได้หลุดเข้าไปหญิงสาวในศตวรรษที่ 19 เลยทีเดียว ...ภายในชั้นแรก หรือชั้นที่หนึ่งนี้ยังจัดแบ่งที่ส่วนหนึ่งเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์สมัยโบราณ และมีสินค้าที่ระลึกจัดจำหน่าย  มีเจ้าหน้าที่ประจำหนึ่งคนคอยดูแลผู้มาเยือน

สินค้าที่ระลึก
ผ้าฝ้ายพิมพ์ที่สาว ๆ สมัยนั้นใช้ตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม-หมากฮอสทำจากแกนข้าวโพด

ซ้าย แม่น้ำ Whitewater  ขวา Burford Covered Bridge
ออกจากชมโรงสีพลังน้ำ เราก็ไปเดินเล่นบนสะพานไม้ ใกล้ ๆ ที่ชื่อว่า Burford Covered Bridge สร้างข้ามแม่น้ำ Whitewater ในแบบมีผนังปิดทึบทั้งสองด้านและมีหลังคาครอบมิชิดตลอดความยาว 140 ฟุต สร้างขึ้นในปี 1858 เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดจากหนึ่งในสี่แห่งของรัฐมิสซูรี่ที่ยังคงเหลืออยู่ มีประวัติความเป็นมายาวนาน และได้รับการขึ้นทะเบียนประวัติเป็นโบราณสถานแห่งชาติ  เช่นเดียวกับ Bollinger Mill State Historic Site

Burford Covered Bridge
ถ่ายรูปถ่ายวีดีโอกันจนเป็นที่พอใจ และก็เหนื่อยแล้ว หิวด้วยได้เวลากินมื้อเที่ยงจาก ตะกร้าปิกนิกที่เตรียมไป…..วันนี้ กินแซนด์วิช เหมือนเคย แต่ข้างในเปลี่ยนเป็น ทูน่า ไข่ต้ม ผสมแตงดองข้ามภพอื้ม! อาหร่อย ยังมี Potato chips แสนเค็ม และ มีโค้กกับน้ำอีกคนละขวด ซ่าส์ถึงใจ(ชอบมว๊ากโค้กเมกา)...กินกันไป คุยกันไป และเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติแท้ ๆ ใต้เงาไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นเขียวขจี ฟังเสียงน้ำตกซ่า ๆ ที่ตกจากเขื่อน เสียงนกร้องเพลง แข่งกับเสียงหรีดระงมของจักจั่น ผีเสื้อที่โผผิน บินหาน้ำหวานจากดอกไม้ป่าริมแม่น้ำ บางตัวก็บินฉวัดเฉวียนเหนือหัวเรา มันคงได้กลิ่นหอม!!!!

รัฐมิสซูรี่ได้จัดพื้นที่ในบริเวณ Bollinger Mill State Historic Site ให้เป็นสถานที่พักผ่อนของประชานชน สามารถหิ้วตะกร้าปิกนิกไปรับประทานอาหารกับครอบครัว เพื่อน ๆ  โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดไว้ให้ได้แก่ โต๊ะรับประทานอาหาร ห้องน้ำ น้ำใช้และน้ำดื่มจากก๊อก  ถ้าอิ่มแล้วยังไม่อยากกลับ ก็มีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการสำรวจป่า หรือนักเดินป่า มีทางเดินเท้าระยะสั้นๆ เลาะไปตามริมแม่น้ำ ไปจนถึงสุสานของตระกูล Bollinger Family แต่วันนั้นเราสองคนหมดแรงเสียก่อน.....คนสูงวัย เที่ยวไม่ได้นาน คิดถึงโซฟา....ที่บ้าน

ภาพด้านหน้า (ด้านขวามือ คือ Burford Covered Bridge)
Bollinger Mill State Historic Site ตั้งอยู่ที่ Burfordville, Cape Girardeau, Missouri ห่างออกไป 19 ไมล์ ทางด้านทิศตะวันตกของ Cape Girardeau ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ  และบูรณะให้อยู่ในสภาพดีเพื่ออนุชนรุ่นหลังได้แลเห็นวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในศตวรรษที่ 19 ถ้าใครได้มีโอกาสไปเยือนรัฐมิสซูรี่ และชื่นชอบที่จะเที่ยวชมโบราณสถาน อย่าพลาดที่นี่เด็ดขาด!


Beddinginn.com