Friday, June 26, 2015

ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านตอนแรก "สะใภ้ต่างแดน" 
 คลิกอ่านที่นี่ ก่อนได้ค่ะ

ไม่กี่วันต่อมา สามีบอกว่า “มัม” โทรมาให้ช่วยพาเธอไปซื้อ Laptop ที่ วอลมาร์ทหน่อย....อะฮ้า!..ดูเหมือน “ไอเดีย” ของเรา กำลังได้รับการตอบสนองแล้ว...เรื่องนี้มีที่มาว่า....ก่อนหน้านี้เราเคยเสนอสามีให้เอาเงินที่ได้รับจาก “มัม” เดือนละ $400 นั่นซื้อแท็บเล็ตให้เธอ สักเครื่อง แล้วเราจะสอนเธอให้ใช้ Social network วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เธอได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ น้อง ๆ และลูก ๆ ในเฟสบุค จะได้ไม่รู้สึกเหงา ที่สำคัญ เหนืออื่นใด ในเวลาที่พวกเรากลับไปอยู่ที่เมืองไทยปีละสี่เดือน เราก็สามารถวีดีโอคอลหาเธอได้ทุกวัน เห็นหน้ากันทุกวัน...สามีรับปากว่าจะซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดในเดือนสิงหาคมก็แล้วกัน.... ต่อมาเราได้มีโอกาส “แชท” ในเฟสบุค กับน้าเวอร์จิเนียเป็นครั้งแรก จึงได้ทราบว่าเธอใช้ FB ได้แค่ดู Post กด Like แล้วก็ Comment แต่ไม่รู้ ไอคอน Chat, Notified ที่อยู่แถวบน ๆ มีไว้ทำไร แชทยังไง รับไฟล์ ยังไง ไม่รู้เลย.... เราจึงแนะวิธีใช้ Messenger box การรับ-ส่งไฟล์ ใช้อิโมจิคอน ประมาณพอให้ได้คุยกันเป็นการส่วนตัวแบบ Real time เสร็จแล้วเธอก็ถามว่าเรามี Skype หรือเปล่า นั่นเองที่ทำให้เรามีโอกาสคุยกันทางช่องทางนี้ ซึ่งจริง ๆ เธอก็ไม่รู้ว่า สามารถคุยกันแบบเห็นหน้าบน Skype ได้ด้วย (เธอใช้แค่การโทรศัพท์ กับ IM) ดังนั้นเราจึง บอกวิธีใช้ “วีดีโอคอล”...กว่าจะบอกให้เธอปรับกล้องให้เห็นหน้าตาแบบหัวไม่หาย ก็ใช้เวลานานพอควร....ที่สุดก็สำเร็จ พอได้เห็นหน้าตากันอีกครั้ง เราต่างก็หัวเราะ….เธอสารภาพว่า เธอไม่เก่งการใช้คอมฯ ต้องการให้เราหาโอกาสไปเยี่ยมเธอที่ Spring Field เพื่อช่วยสอนหน่อย
คืนนั้นเราได้มีโอกาส บรรยายสรรพคุณของการใช้ Free Messenger Application และพูดถึง “ไอเดีย” ที่อยากให้สามีซื้อ  แท็ปเล็ต ให้ “มัม” ใช้ที่สามารถต่อเข้าทีวีแอลซีดีจอยักษ์ที่บ้าน แล้วเราจะปรากฏกาย คุยกับ “มัม” ทุกวัน เธอจะเห็นทุกอย่างที่บ้านที่เมืองไทย...อะไรประมาณนี้ ...(แน่นอนว่าน้าคงจะคุยเรื่องนี้กับ “มัม” เธอถึงได้บอกลูกชายให้พาไปซื้อ....)
         พอถึงวันอาทิตย์ พวกเขา ได้ HP Laptop สีฟ้า, Windows 8.1 ราคา $199 พอมาถึงบ้านเขาก็แกะกล่องเอาเครื่องออกมาเสียบปลั๊ก วินโดว์ 8.1 แต่ไม่ใช่ ทัชสกรีน (เลยราคาถูกไง) เราได้เตรียมขยายโต๊ะทำงานของเรา และเพิ่มเก้าอี้อีกตัวเพื่อให้สามีสุดที่รักสอนแม่ของเขา....แต่ที่เห็นคือ เขาเริ่มสอนให้แม่ ตั้งค่าต่าง ๆ ในเครื่อง (เหมือนจะสอนให้เป็น Administrator หรือไม่ก็สอนแบบหลักสูตรการใช้คอมฯเบื้องต้นงั้นแหละ) เราดูอยู่พัก เห็นจะไม่ได้การ จำเป็นต้องสอดขึ้นมาว่า “ที่รัก เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนั้นหรอก ยูต้องเป็นคนทำให้เรียบร้อยพร้อมใช้ การตั้งค่าทำแค่ครั้งเดียวก็จบ ไม่ได้ทำทุกครั้งที่จะใช้งาน เสร็จแล้วค่อยบอกวิธีใช้ Skype, FB และ Email จากนั้นก็ให้เธอฝึกหัดแล้วเช็คว่าเธอจำได้แค่ไหน นั่นพอแล้ว” ตกลงสามียินยอมทำตาม แต่ด้วยเหตุที่บ้านเราถูกลดความเร็วเน็ท (เพราะใช้ดาต้าเต็มพิกัด 20GB แล้ว) ทุกอย่างเลยเชื่องช้าไปหมด จวนใกล้ค่ำแล้ว เห็น แด๊ด ดูท่าทางอยากสูบบุหรี่ เราเลยบอกให้พวกท่านกลับไปก่อนแล้วจะเอาเครื่องไปส่งและสอนให้ที่บ้าน... 
สามีดำเนินการต่างๆ เช่น ตั้งชื่อ Computer name, Password  รวมทั้ง Email account  ต่อด้วย Download และ Install Skype App. แล้วก็อัพเดท HP ใช้เวลาทั้งคืนยันเช้า กับความเร็วเน็ทแค่ 2 Mbps...เขาทำแค่นั้น! เราเลยต้องเอาเครื่องมาทำต่อตอนสาย ๆ.....เริ่มจาก ส่งภาพ “มัม” จากเครื่องเราไปที่เครื่องของเธอ แล้วเพิ่มรูปในโปรไฟล์อีเมล์ รูปก็จะไปโผล่ที่ชื่อเจ้าของเครื่อง และที่โปรไฟล์ Skype ด้วย ส่งคำเชิญ Skype ไปหาตัวเอง และน้าเวอร์จิเนียร์ เสร็จแล้วก็ Sign up Facebook ใส่รูป Profile, Cover Photo แล้วส่ง Friend request ไปหาตัวเอง เราก็คลิก Confirm (กลายเป็นเพื่อนคนแรกของ “มัม”) 

ส่ง Friend request ไปหา สองน้องสาวสองคน และลูก ๆ ของ เธอด้วย  จากนั้นเราก็ Upload photos ลง Timeline ใช้รูปที่เราเคยถ่ายเก็บไว้ ทั้ง “แด๊ด และ มัม” ตอน คริสต์มาส ตอนไปกินที่ร้านอาหาร รูปสวนหลังบ้านและดอกไม้ที่เพิ่งถ่ายไม่นานนี้ และรูปเก่าที่สามีเคยส่งให้ดู (ตอนจีบกัน)....สักครู่ก็มีคนอื่น ๆ คลิก Like ที่รูป และส่ง Friend Request  มา “ตรึม” คนที่เราพอรู้จักเราก็ Confirm ไป รวมได้มาโหลหนึ่งพอดี หยุดไว้แค่นั้นก่อน ที่เหลือไว้ให้เธอตัดสินใจเองว่าอยากเป็นเพื่อนด้วยหรือเปล่า.....ดึกแล้ว
หลังอาหารกลางวันของวันรุ่งขึ้น สามีก็เอาเครื่องไปส่งแม่ของเขาและสอนวิธีใช้งาน ซึ่งเราคาดหวังว่า เขาจะสอนวิธีใช้ Skype และ Facebook เป็นอันดับแรก....พอบ่ายสี่โมงเย็นเขาก็กลับมาถึงบ้าน เพราะเป็นเวลา “ซดเบียร์” เราถามว่าสอนเธอทุกอย่างตามที่สั่งหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือ “ใช่” ......ผ่านไปวันนึงก็ได้ยินเสียงสองแม่ลูกคุยโทรศัพท์กัน จับใจความได้ว่า ล็อกอิน เข้าใช้เครื่องตัวเองไม่ได้.....โธ่ถัง!!!.....พอวางสายกันไปแล้วเราต้องเริ่มการสัมภาษณ์สดสามีทีละคำถาม..โน่น นี่ นั่น ได้สอนมั๊ย? หลังจากสอนแล้วได้ปล่อยให้เธอลองหัดทำด้วยตัวเองมั๊ย? เช็คหรือเปล่าว่าเธอทำได้มั๊ย?....สรุปความได้ว่า เมื่อไปถึงบ้านแม่ เขาแค่เปิดเครื่อง แล้วบอกว่าให้ใส่พาสเวิร์ดอะไร ใส่ตรงไหน เสร็จแล้วก็ Test Skype โทรไปหาน้าเวอร์จิเนียร์แต่ไม่ได้คุยกันเพราะน้าไม่ออนไลน์  ส่วนเฟสบุค นี่ก็ไม่ได้สอนว่าเข้าไปใช้ได้ไงเราอุตส่าห์คลิกให้จำพาสเวิร์ดไว้ให้แล้ว (เขาบอกว่ามีเรื่องอื่นต้องไปทำหลายอย่าง).....มายก็อด! เลยบอก งั้นบ่ายนี้เราไปบ้านโน้นกัน เดี๋ยวจะสอนเธอเอง....เราหิ้วเครื่องตัวเองไปด้วย เพื่อเอาไว้ Test วีดีโอคอล
            “มัม” นั่งประจำที่ สะใภ้ก็เริ่มบอกแม่สามี ว่า “มัม...ช่วยแสดงให้ดูหน่อยว่ายูล็อคอินไง?” เธอก็เริ่มพิมพ์ลงในช่องพาสเวิร์ด แบบนิ้วเดียวจิ้มไปทุกที่....แล้วเราก็เห็น “ปัญหา” ว่าทำไมล็อกอินไม่ได้.... เพราะคุณลูกชายดันไปตั้งพาสเวิร์ดมีอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ไว้แรกสุดกับตรงกลาง แต่ไม่ได้บอกแม่ว่าให้พิมพ์ตัวใหญ่....เราก็รู้ทันทีว่าควรเริ่มสอนจากตรงไหน  “มัม ยูต้องพิมพ์ตัวใหญ่ที่ตัว R และ H นะ”....ปัญหาต่อมาคือ เธอ ไม่รู้ว่าทำไงให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่....เราก็แนะไปว่า ให้กดแป้น Shift ค้างไว้แล้วอีกมือนึงก็กดตัวเลข/ตัวอักษร แล้วปล่อย ปรากฏว่าพอเธอลองทำ เธอไม่สามารถควบคุมนิ้วมือสองข้างให้ทำในสิ่งที่ต่างกัน พอนิ้วซ้ายกด Shift ค้างไว้ นิ้วข้างขาวก็กดตัวเลข/ตัวอักษร ค้างไว้เหมือนกัน ทำให้ตัวเลขวิ่งไม่หยุด......งานเข้าละซิ ต้องเริ่มสอนกันตั้งแต่วิธีใช้แป้นพิมพ์ และการใช้มือสองข้างพิมพ์ พร้อมอธิบายว่า Cap lock ต่างจาก Shift ยังไง และควรใช้ตอนไหน


หลังจากผ่านบทที่ 1 การใส่รหัสผ่านเข้าเครื่องได้แล้ว ก็เรียนบทที่ 2 การใช้ Skype อันเป็นเป้าหมายหลักของการซื้อ Laptop ปัญหาของการเรียนบทนี้ที่พบคือ เมื่อมัมต้องใช้มือควบคุมเม้าส์ให้ชี้อยู่ในตำแหน่งที่จะพิมพ์หรือชี้ไปที่ใด ๆ ก็ตามเธอยังมองตามตัวพอยท์เตอร์ไม่ทัน ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ตรงไหน? แล้วจู่ ๆ มันแปลงร่างเป็น ตัวเคอร์เซอร์ ได้ไง?....จริง ๆ เธอจับเม้าส์ไม่เป็น หรือพูดอีกอย่างเธอไม่ยอมจับเม้าส์ด้วยอุ้งมือ หรือด้วยนิ้วทั้งห้า เธอแค่ใช้นิ้วชี้จิ้มที่ปุ่มซ้ายทำให้มันโดดไปทั่วเพราะเม้าส์เลื่อนไปตามแรงที่กระทำลงไป.....ปัญหาต่อมา...ทดสอบโดยให้เธอส่งข้อความ อะไรก็ได้ไปหาเรา ซึ่งตอนนั้น โน้ตบุคของเราอยู่บนตักสามี “พร้อม Testเธอพยายามที่จะพิมพ์คำว่า Good daughter-in-law เราคิดเอาว่า นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากใจของเธอ..(แบบว่าแอบคิดเข้าข้างตัวเองนิดนะ) แต่เธอก็พิมพ์เป็น Good duaaughter law…..พิมพ์ผิด พิมพ์เกิน ตกหล่น ไม่รู้จะลบยังไงอีก....ต้องสอน ระหว่างการใช้ Backspace กับ Delete……ลูกสะใภ้กับแม่ผัว หัวเราะกันเสียงดังลั่นระหว่างการเทรน......เราเริ่มลองให้เธอหัดใช้ touch pad บ้างแต่ ก็เกิดปัญหา เหมือนที่เราเคยเป็น คือลากนิ้ว เพื่อเลื่อนพ้อยเตอร์ จนนิ้วไปสะดุดขอบ touch pad แต่เม้าส์มันยังไปไม่ถึงเป้าหมาย เสร็จแล้วก็ไม่รู้จะทำไงกับมัน ก็เลยไม่ชอบวิธีนี้ ต้องไปซื้อ Wireless mouse มาใช้.....(เรามาค้นพบตอนหลัง ๆ เมื่อครั้งที่ลืมหยิบเม้าส์ไปที่ทำงานด้วย เลยจำเป็นต้องใช้ Touch pad….วันนั้นจึงได้เริ่มเรียนรู้วิธีที่เวิร์กกว่า คือ ใช้การเขี่ย ๆ นิ้วอยู่กับที่ซ้ำ ๆ บน touch pad โดยไม่ต้องลากไปทั่ว เลยเอาวิธีนั้นมาสอนมัม....
  ถัดมาสอนวิธีเลื่อนตำแหน่งเคอร์เซ่อร์ และ Scrolling ด้วยแป้น “ลูกศรสี่ทิศ” จากนั้นสอนให้รู้จัก Tab Online Status, Contacts, Recent, Call, VDO Call แล้วก็ทดสอบ วีดีโอคอล ไปหาเรา สามีก็รับสายและทดสอบการพูดคุย ปรับตำแหน่งกล้อง.....พอเครื่องสองตัวมาอยู่ใกล้กัน ลำโพงมันก็หอน น่ารำคาญ เลยให้เธอส่งข้อความไปหาน้าเอมม่าซึ่งขณะนั้นแสดงสถานะ Away มัมพิมพ์ว่า “ฉันอยากคุยด้วย...อยู่ตรงนั้นรึป่าว”  (เธอบอกว่าไอไม่สนใจว่าจะเป็นอักษรตัวใหญ่หรือเล็กนะ) เราก็โอเค ไม่ว่าไร....  ไม่กี่อึดใจน้าเอมม่าก็โทรมา เราให้เธอคลิกที่ ไอคอนโทรศัพท์สีแดงเพื่อรับ แล้วพี่น้องสองสาวก็หัวเราะชอบใจที่ในที่สุดก็ได้เห็นหน้ากันซะที หลังจากที่ลุ้นอยู่สองสามวัน.....ซักครู่หนึ่งเราเห็นน้าเวอร์จิเนียร์ออนไลน์ เราก็นึกสนุกบอกว่าเดี๋ยวจะเชิญน้าเวอร์จิเนียร์เข้ามาคุยด้วยอีกคนนะ... สองสาวก็ทำตาโตทำนองว่า ฮ้า! ทำได้ด้วยเหรอ....บอกให้เธอคลิกวีดีโอคอลไปหลายครั้งแต่น้ายังไม่มารับสาย แสดงว่าไม่อยู่หน้าเครื่อง....สักพักเธอก็โทรเข้ามา พอคลิกรับวีดีโอ ก็เห็นแต่รูป อยู่นาน แล้วก็หลุดไป สาเหตุเพราะสัญญาณ WIFI ไม่แรงพอ...แด๊ดกับสามีเรา ก็มากทักทาย พูดคุยกับน้าเอมม่า ที่หน้าจอด้วย...น้าเอมม่านั้นพูดฟังจับใจความค่อนข้างยาก (พอ ๆ กับ “มัม” เลย) เธอพูดเหย้าแหย่เราเล่น ว่าให้ดูแลพี่สาวเธอให้ใช้คอมเก่ง ๆ ด้วยนะ และต้องอดทนกับเธอสักหน่อย.....อืม! ง่ายที่จะสอน แต่ “ยากส์” ตรงที่ พวกเขาไม่สามารถจดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น หรือแค่เพียงครั้งสองครั้ง จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝน ทั้งทักษะ การใช้คีย์บอร์ด เม้าส์ ทัชแพด...
  พอใกล้ ๆ สี่โมงเย็น สามีส่งสัญญาณว่าอยากกลับ แต่เรายังไม่อยาก...อยากดูเธออีกสักนิดเผื่อว่าจะติดขัดการใช้งานตรงไหนหรือเปล่า จะได้ Retraining เดี๋ยวนั้น จะทำให้จำได้ไวขึ้น  แต่ว่ามันเป็นเวลา Time for beers เราจึงบอกเธอไปว่า “ก่อนไอจะกลับ ยูลองแสดงวิธี log in ให้ไอดูอีกครั้งได้ไหม” เราพยายามจะทบทวนสิ่งที่สอน อย่างน้อยที่สุด ต้องพิมพ์พาสเวิร์ด ให้ถูกต้องซะก่อน ถึงจะเข้าเครื่องได้....เธอทำให้ดู เราคอยบอกว่า.... “อย่าลืม Capital letter R, H” ….สรุปว่าเธอทำสำเร็จ.... เธอลูบหลังไหล่ “ยูเป็นครูที่ดีมาก ๆ ขอบใจแพท” นั่นแหละวิธีที่ฝรั่งเขาพูดกัน ถ้าเป็นคนไทยทั่ว ๆ ไปเมื่อมีใครทำอะไรให้เรา ก็คงได้แต่พูดคำว่า “ขอบคุณ” แต่ฝรั่งมีคำพูดเยอะกว่านั้นอีก......
  สองสามวันผ่านไป เราก็คิดว่าทุกอย่างราบรื่นดี....แต่สามีก็ได้รับโทรศัพท์จาก “มัม” ว่าช่วยมาดูให้หน่อย เราไม่ทันได้ฟังเรื่องราวเพราะมัวยุ่งอยู่กับการค้นหาวิธี “ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกล” โดย Download Team Viewer 10 มาไว้ในเครื่องเรียบร้อย แล้ว และกำลังอ่านวิธีตั้งค่าทั้งสองเครื่อง โดยใช้เครื่องสามีเป็นตัวทดสอบ ที่ทำเช่นนี้เพราะเราคิดว่าบางครั้งเธออาจจะลืมวิธีใช้งาน (เหมือนกับที่เคยลืมวิธีโทรออกมือถือ) หรืออาจลืมพาสเวิร์ดเครื่องของเธอเอง และอีกอย่าง เราคิดจะช่วยสอนให้เธอใช้งานเฟสบุค บางครั้งอาจช่วยเธอโพสต์รูปที่เราถ่ายให้เธอ โดยไม่ต้องไปที่บ้านของเธอ.....
  สามีบอก พรุ่งนี้จะไปหา “มัม”....ดังนั้นจึงพิมพ์วิธีการตั้งค่า Remote assistance, ดู Computer name และ IP address ของเครื่องเธอให้สามีไปจัดการให้ และบอกให้แก้พาสเวิร์ดจากตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด จะได้ไม่มีปัญหา....แต่ปรากฏว่าไปชั่วโมงเดียวก็กลับ แล้วบอกว่า แก้พาสเวิร์ดไม่ได้ หา IP address ไม่เจอ ได้มาแค่ Computer name ซึ่งเราทำอะไรต่อไม่ได้เลย แทนที่จะส่งข้อความมาบอกก่อนว่าหา IP address ไม่เจอ เราจะได้บอกให้ยกเครื่องมาเลย.....กลายเป็นว่าต้องให้เขากลับไปเอาเครื่องมาอีกในวันรุ่งขึ้นอีก......เปลืองแก๊สมั๊ยล่ะ?
  ผลการทดสอบการใช้ TeamViewer 10 ควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลนั้น สรุปว่าไม่เหมาะกับ “มัม”  เพราะกลายเป็นว่าต้องเพิ่มภาระหลายอย่างให้เธอมากกว่าเดิม เช่น ต้องสอนวิธีเปิดโปรแกรมนี้ขึ้นมาก่อน แล้วต้องบอกรหัสผ่านชั่วคราวที่ปรากฏขึ้นมาทุกครั้ง เพื่อใช้คีย์ลงเครื่องฝั่งเราจึงจะสามารถเข้าควบคุมเครื่องของเธอได้ เสมือนหนึ่งเรานั่งที่หน้าจอ laptop ของเธอเอง... (เวอร์ชั่นแรก ๆ สิบกว่าปีก่อน ที่เคยใช้ไม่มีการใช้รหัสผ่าน ใช้เพียง IP address ของเครื่องแค่นั้น แต่ก็นั่นแหละมันง่ายซะจนไม่ปลอดภัย).... ปัญหาอีกอย่าง ในกรณีที่เธอใส่รหัสล็อกอินผิด เธอจะไม่สามารถทำอะไรได้ต่อเลย......คืนนั้นเราจึงต้องแสวงหาวิธีใหม่ที่เข้าใช้งานเครื่องของเธอโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งดูและอาจทำตามที่เราบอก เพราะเราจะเห็นหน้าจอเดียวกัน
 
สอนแม่ผัวใช้คอมพิเตอร์
ที่สุดเราก็มาจบที่เรื่องพื้นฐานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ที่มี Feature Remote Assistance ให้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปดาวน์โหลด App. อื่น ๆ นั่งอ่านหลาย Blogs หลาย Forums และได้ลองทำตามที่ว่ามาทั้งหมด แต่ก็ล้มเหลวตลอด แต่มีคำถามข้อหนึ่งค้างอยู่ในหัว คืออยากถามว่า “แล้วไอ้ที่ (พวกมึง ๆ ทั้งหลาย) เขียนกันได้เป็นวรรคเป็นเวร ราวกับเป็นพหูสูต แต่ก็แบบ สุกเอาเผากิน ทำให้ (ตู) ข้องใจว่า จริง ๆ แล้วมันใช้กับ คอมพิวเตอร์บ้าน/Stand alone หรือแค่ใช้ในเครือข่าย LAN ตามบริษัทต่าง ๆ” ต้องบอกให้ชัด ๆ คนอ่านกันทั่วโลก คนใช้คอมตามบ้านเรือนก็มีถมถืด....การเขียนแค่เพียงสนองความอยากของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ใช้คอมฯ มีหลายระดับฐานความรู้ แทนที่จะได้รับการ “สรรเสริญ” กลายเป็น “ทำคุณบูชาโทษ” ไปซะฉิบ....
 ความข้องใจนี้ทำให้ไม่หยุดที่จะค้นหาต่อไปเพื่อพิสูจน์สมมติฐานของตัวเอง จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม...เวลานอนน่ะซิ แต่ก็ยังพะวง บังเอิญเจออีกหนึ่งข้อมูล เป็นการตอบคำถามจาก ไมโครซอฟท์ นี่แหละ หลังจากอ่านไปได้สามสี่บรรทัด ...นี่แหละ...คำตอบที่ต้องการอยู่ที่นี่เอง (ขอบคุณ) ตกลงว่าที่อ่านไปทั้งวัน ดูวีดีโอไปทั้งวันก่อนหน้านั่น มันสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย LAN.....ผู้ตอบคำถามนี้ได้อธิบาย “ชัด ๆ” ถึงวิธีการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จากเครื่องอื่น “Allow Remote Desktop connections from outside your home network” นี่เองที่ทำให้เข้านอนได้โดยไม่กังวล และ หยุดความคิดที่จะควบคุมเครื่องของ “มัม” เอาไว้ก่อน....เพราะเรื่องนี้มีขั้นตอนมากเกิน...ที่สำคัญ! เน็ทที่บ้านความเร็วเหลือแค่ 2 Mbps มันน่ารำคาญ หงุดหงิด....รอ วันที่ 21 ได้ความเร็ว 10 Mbps กลับมาก่อนค่อยทำต่อละกัน.....
           อ้อ...มีเรื่องค่อนข้างแปลกใจว่า ใน Help Topic ของ Windows เราก็ได้อ่านจนสิ้นไส้พุง แต่ก็ไม่ได้พูดจาชัดเจนแบบในฟอรั่ม ถาม-ตอบ นี้...เฮ้อ! คิด ๆ แล้วเหนื่อยกว่าตอนแก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ถูก “วางยาพิษ” เมื่อปี 2544 ซะอีก ครั้งนั้นต้องใช้ทั้ง “กำลังภายในและภายนอก” นอนหลังเที่ยงคืน ทุกคืนเพื่อหาวิธี “แก้พิษ” อยู่เป็นอาทิตย์....หลังการ “แก้พิษ” ครั้งนั้นได้ ทำให้ “ทางเดินชีวิตเปลี่ยน” ไปเยอะเลยยย...
            “มัม” โทรมาบอกว่า จะมาเอาเครื่องเองที่บ้านของพวกเรา นั่นคงเป็นเพราะ กลัวว่าเราจะ ทนควันบุหรี่ไม่ไหว ที่บ้านนั้น ทั้ง “มัมและแด๊ด” สูบบุหรี่ในบ้าน แถมเปิดเครื่องปรับอากาศ ไม่มีการระบายอากาศเลย...ก็ดี...มาที่บ้านเราจะได้สอนเธอนาน ๆ เอาแค่ใส่พาสเวิร์ดให้ถูกก่อน ซึ่งไม่น่ามีปัญหา เพราะเราได้แก้ไขให้พิมพ์อักษรตัวเล็ก ทั้งหมด ส่วน Skype ก็มีไอคอน คุยเป็นกรุ๊ป โผล่มาให้คลิกได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเรียกทีละคนเข้ามาในสาย มาถึงเฟสบุค เราก็ทำ Shortcut ไว้ที่หน้า Desktop พอล็อกอินเข้ามาได้ ก็คลิกสองครั้งไปที่หน้า FB Home page สามารถดูว่าเพื่อน post ไรบ้าง ถ้าอยาก Like หรือ Comment ทำไง แค่นั้นก็หรูแล้วละสำหรับคนวัยแปดสิบสองปี....ส่วนการ Search net ดูนู่น นี่ นั่น ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ Windows 8.1 แค่คลิก Icon ต่างๆ ที่มีเต็มพรึ่บสองสามหน้าสกรีน มันก็จะวิ่งไปที่แต่ละเว็บเลย เราก็แค่บอกว่าจะปิด หรือออกจากเว็บตรงไหน....ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง สุดท้าย...คือ “การสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยเสียง” เราได้ลองบ้างแล้ว แต่มันยังติด ๆ ขัด ๆ อยู่ อาจเป็นเพราะสำเนียงเรามันไม่ใช่ฝาหรั่งละมั้ง??????
            วันที่ 21 มิ.ย. Father's Day พวกเราพา "แด๊ดกับมัม" ไปทริปเล็ก ๆ ขับรถไปแค่ชั่วโมงเดียวชมเมืองเก่าที่ Ste. Genevieve ขากลับส่งพวกท่านเรามีเวลาเพียง 10 นาทีแนะนำการใช้งานอีกรอบ และต้องรีบกลับ (อีกแล้ว) และจริง ๆ เธอก็อ่อนเพลียจากการเดินเที่ยว สองสามร้อยเมตรมากพอ ๆ กับเราน่ะแหละ จึงปล่อยเธอพักผ่อน....พอวันที่ 24 มิ.ย 15 เราก็ได้เห็น "แม่สามี" โพสต์คอมเม้นท์ บนภาพแชร์ของน้าเอมม่า...ไม่อยากะเชื่อสายตาตัวเอง... ว้าว!!! มัม...ในที่สุดยูก็ทำได้....ไอหวังว่ายูจะไม่ลืม How to?

22-Jul-15  ขอกลับมาอัพเดทสถานะการณ์ เพิ่มเติม.....

ปรากฎว่าเกิดปัญหาหลายครั้ง ระหว่างที่แม่สามีใช้ คอมพิวเตอร์  ลูกชายต้องวิ่งไปดู และช่วยแก้ไข ลูกสะใภ้ก็เลยต้องกลับไปทบทวน เรื่องการใช้  TeamViewer แบบเอาให้จบ...ขณะนี้ เครื่องคอมของแม่สามี ได้ "ถูกควบคุมตัว" ไว้โดยลูกสะใภ้เรียบร้อยโรงเรียนไทย แล้ว....ไม่ว่าเวลาไหนที่เธอประสบปัญหา แค่โทรมาบอก เราก็ ใช้เจ้า TeamViewer 10 เข้าไปควบคุมเครื่องของเธอ เสมือนหนึ่งเรานั่งอยู่หน้าจอนั้นเลย....



0 ความคิดเห็น :

Post a Comment